LIVERPOOL

Liverpool หรือ ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1892 โดย John Houlding ซึ่งต่อมาได้พัฒนากลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของ William Shankly และ Bob Paisley ที่นำพาสโมสรคว้าแชมป์มากมาย รวมถึงถ้วยยุโรป ในฉายาทีม “The Red” หรือในภาษาไทยจะใช้คำว่า “หงษ์แดง” แต่ยังมีอีกฉายาที่แฟนของสโมสรเรียกตัวเองว่า “The Kop” ที่มาจากสงครามบัวร์ช่วงปี ค.ศ. 1900 ที่เนินเขา Spion kop โดยในสงครามครั้งนั้นมีชาวเมืองลิเวอร์พูลมากกว่าครึ่ง  และต่อมาในยุคการคุมทีมของ Jurgen Klopp ถือได้ว่าเป็นคนที่วางรากฐาน และยกระดับมาตรฐานฟุตบอลสมัยใหม่ให้กับสโมสร และเป็นกุนซือคนแรกที่พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก แฟนบอลจึงเสนอเปลี่ยนชื่ออัฒจันทร์จาก “The Kop” ที่สนามแอนฟิลด์เป็น “The Klopp” เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา ปัจจุบัน ลิเวอร์พูลเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่แข่งขันในพรีเมียร์ลีก ลงเล่นที่สนามแอนฟีลด์ และมีเพลงประจำสโมสรที่รู้จักกันดีคือ “You’ll Never Walk Alone” (YNWA)

anfield 2025

การเดินทางของ Anfield และ The Red

เรื่องราวทุกอย่างเริ่มต้นจาก คนที่ชื่อว่า John Houlding (จอห์น โฮลดิ้ง) เขาเป็นนักธุรกิจ นักการเมือง และเป็นประธานสโมสรเอฟเวอร์ตัน ที่มีหัวความคิดก้าวหน้าเป็นอย่างมาก เขาตัดสินใจเข้าซื้อที่ดิน และสร้างสนามฟุตบอลเพื่อปล่อยเช่า และสนามนั้นก็สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1884 และก็กลายมาเป็นรังเหย้าของเอฟเวอร์ตัน จนกระทั่งถึงวันที่เอฟเวอร์ตัน เปลี่ยนแปลง จากเดิมที่เคยเป็น “ชมรมฟุตบอลชั้นชนแรงงาน”  ได้เข้าไปเล่นในลีกฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ (EFL) ในฤดูกาล 1890-91 และใช้ชื่อเอฟเวอร์ตัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และตัวของ จอห์น โฮลดิ้ง เมื่อเห็นแบบนั้นเขาที่เป็นประธานสโมสรเอฟเวอร์ตันอยู่แล้ว ตัดสินใจที่จะนำตัวเองเข้าไปมีบทบาทบริหาร  สโมสรมากกว่าเดิม และขอขึ้นค่าเช่าสนาม จากในราคาเช่าเดิมที่ 100 ปอนด์ต่อปี เป็น 250 ปอนด์ต่อปี แต่ทางเอฟเวอร์ตันไม่เอาด้วย และเลือกที่จะไม่ต่อสัญญาเช่าสนาม Anfield (แอนฟิลด์) แต่เลือกที่จะเช่าสนามที่อยู่อีกฝากของ Stanley Park (สวนสาธารณะสแตนลีย์) และตั้งชื่อว่า Goodison Park (กูดิสันพาร์ก) ที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจุบันนี้

ในวันที่แอนฟิลด์เงียบเหงาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะเนื่องด้วยไม่มีใครมาเช่าสนาม ตัวของ จอห์น โฮลดิ้ง ก็ได้ตัดสินใจเรียกเพื่อนสนิท 2 คนที่เคยร่วมงานกันในสโมสรเอฟเวอร์ตัน คือ William Edward Barclay (วิลเลียม เอ็ดเวิร์ด บาร์คลีย์) และ Honest John McKenna (จอห์น ออนเนสต์ แม็คเคนนา) มาทำสโมสรฟุตบอลของตัวเอง โดยให้แม็คเคนนาเป็นเลขานุการสโมสร และให้บาร์คลีย์ เป็นผู้จัดการทีมคนแรก และเขาก็เป็นคนที่เสนอชื่อให้สโมสรนี้ว่า “Liverpool FC” (ลิเวอร์พูล เอฟซี) ในปี ค.ศ. 1892

และแน่นอนว่าต่อให้มีทีมของตัวเอง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขึ้นไปเล่นบนลีกสูงสุดของอังกฤษ เพราะในตอนเริ่มก่อตั้ง ลิเวอร์พูลมีสถานะเป็นเพียงแค่ “ชมรมฟุตบอลชนชั้นแรงงานประจำเมือง Livepool” เหมือนกับเอฟเวอร์ตันตอนเริ่มต้น และด้วยวิสัยทัศน์ของ จอห์น โฮลดิ้ง เขาก็ได้พาทีมฟุตบอลสมัครเล่นของเขา ตระเวนแข่งไปทั่วสหราชอาณาจักร จนเริ่มมีชื่อเสียงจากการที่ทีมสามารถเข้าไปแข่งขันฟุตบอลในระดับแคว้นได้ ในชื่อรายการ Lancashire League (แลงคาเชอร์ลีก) ในฤดูกาล 1892-93 เป็นปีแรก และสโมสรลิเวอร์พูล ก็ทำผลงานได้ดีมาก ด้วยสถิติการแข่งทั้งหมด 22 นัด ชนะไปมากถึง 17 เกม และสามารถคว้าแชมป์ได้ทันทีในฤดูกาลแรกที่ลงแข่ง และได้ตั๋วขึ้นไปเล่นบนลีกฟุตบอลอาชีพดิวิชั่น 2 ก่อนที่จะสร้างสถิติแข่ง 28 เกม ชนะ 28 นัด และคว้าแชมป์ในระดับดิวิชั่น 2 ได้เป็นปีแรก และถึงแม้จะเป็นแชมป์ แต่กฏในการเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นดิวิชั่น 1 ในสมัยนั้น ตัดสินด้วยการนำทีมอันดับที่ 1 และ 2 มาชิงตั๋วที่มีเพียง 1 ใบ และสโมสรที่ลิเวอร์พูลต้องแข่งด้วยคือทีม Newton Heath (นิวตัน ฮีธ) ปัจจุบันคือ Manchester United (แมนยู) และเกมนั้นจบไปด้วยสกอร์ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0 ได้ตั๋วขึ้นไปเล่นในลีกดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ และได้เล่นเกมในลีกดิวิชั่น 1 ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1691 ที่ผ่านมาทางสโมสร ไม่เคยมีตราสัญลักษณ์อะไรเลย จนกระทั่งได้ขึ้นไปเล่นในลีกสูงสุดครั้งแรก สโมสรตัดสินใจ นำสัญลักษณ์ Liver Bird (ลิเวอร์เบิร์ด) ที่ถือว่าเป็นลักษณ์ของเมืองลิเวอร์พูล มาใช้เป็น Logo ของสโมสรด้วย และกลายเป็นเอกลักษณ์มาจนถึงปัจุบัน

Fun Fact : Liver Bird (ลิเวอร์เบิร์ด) คือสัตว์ในตำนานที่ได้แรงบันดาลใจจาก นกกาน้ำ (Cormorant) ที่อาศัยอยู่กันเยอะมาก แถบแม่น้ำเมอร์ซีย์ (River Mersey) กำลังคาบสาหร่ายทะเล (Laver) เดิมที่ Liver Bird จะมีลักษณะคล้ายนกอินทรีย์มากกว่า แต่ด้วยเหตุสงครามกลางเมือของอังฤกษ ทำให้สัญลักษณ์นั้นหายไป จนถึงช่วงปี ค.ศ 1700 มีศิลปินในเมืองลิเวอร์พูล ตัดสินใจนำนกกาน้ำมาเป็นสักษณ์แทน อันเดิมที่หายสาบสูญไป และก็ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ในส่วนที่ Liver Bird ถูกจัดให้เป็นสัตว์ในตำนาน ก็เพราะว่าไม่มีใครสามารถยืนยันจริงๆ ว่ามันคือนกอะไรกันแน่? และมีการคาดการณ์ว่า ชื่อเมือง Liverpool (ลิเวอร์พูล) อาจจะเพี้ยนมาจากคำว่า Laver และ River น่าจะสื่อถึงแม่น้ำเมอร์ซีย์ และการเป็นเมืองท่าสำคัญของอังกฤษในเวลานั้นอีกด้วย 

แต่ถึงแม้จะมีผลงานในอดีตที่ดี ในช่วงเวลาต่อมา ลิเวอร์พูลไม่ใช่สโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่นัก เพราะสลับขึ้นลงระหว่างดิวิชั่น 1 และ 2 อยู่ตลอด เวลา จนกระทั่งถึงฤดูกาล 1954-55 ลิเวอร์พูลได้เล่นอยู่ในดิวิชั่น 2 นานกว่าปกติ และก็ไม่มีนักเตะ หรือผู้จัดการทีมคนไหนที่พอเป็นแสงสว่างให้กับแฟนบอล จนกระทั่งสโมสรได้รู้จักกับ William Shankly (วิลเลียม แชงคลีย์) หรือชื่อที่เราคุ้นเคยกันคือ บิลล์ แชงคลีย์ ในวัย 43 ผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ ได้เข้ามาคุมสโมสรลิเวอร์พูล ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 1959 และเขาก็ทำสำเร็จให้หลัง 2 ปี หลังจากรับตำแหน่งกุนซือ พาทีมลิเวอร์พูลกลับขึ้นมาเล่น ในลีกดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ บิลล์ แชงคลีย์ ทิ้งไว้ไม่ใช่เพียงแค่การกลับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้ แต่เขาได้วางรากฐานและปรัชญาการทำทีม ที่เล่นก็แบบง่ายๆ เน้นการรับส่งบอลอย่างแม่นยำ และทำให้คนในทีมเล่นกันได้อย่างสามัคคี และในการคุมทีมของบิลล์ ทำให้ลิเวอร์พูลได้แชมป์ UEFA Cup (ยูฟ่า คัพ) ฤดูกาล 1972-73 และถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ได้ถ้วยนี้ 

Lancashire league Liverpool 1892
นักเตะชุดแชมป์ Lancashire League Football (1892)
liverpool 1976-1977

ในวันที่ The Red มี Liverpool Way

ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้อย่างหวัง แต่ทว่าแม้จะได้ถ้วยยูฟ่ามาครอง แต่ตัวของ บิลล์ แชงคลีย์ ก็ตัดสินใจประกาศลาออกในปี ค.ศ. 1973 และในเวลานั้นไม่มีใครเหมาะสมที่จะคุมทีมลิเวอร์พูล มากไปกว่า Bob Paisley (บ็อบ เพสลีย์) ที่เคยเป็นอดีตมือขวาของบิลล์นั้นเอง และตัวของบ็อบ ใช้เวลาคุมทีม 4 ปี ก่อนที่จะพาทีมคว้าแชมป์ European Cup (ยูโรเปี้ยน คัพ) หรือที่รู้จักกันในปัจจุบันคือ UEFA Champions League (ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก) ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร ในฤดูกาล 1976-77 โดยชนะ โบรุสเซีย กลัดบัค ไปด้วยสกอร์ 3-1 ถ้าคิดว่าฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลเก่งแล้ว ในปีต่อมาบ็อบ ก็พาสโมสรคว้า Double Champ (ดับเบิ้ลแชมป์) ด้วยการเป็นแชมป์ในลีกดิวิชั่น 1 และแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ และในช่วงเวลาที่บ็อบได้คุมทีม ก็ได้ถ้วยแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ มาเพิ่มอีก 2 ถ้วย ในฤดูกาลที่ 1980-81 ด้วยการเอาชนะทีมจากสเปนอย่าง Real Madrid (เรอัล มาดริด) ไป 1-0 และอีกครั้งในฤดูกาลที่ 1983-84 ที่เจอกับ Roma (โรม่า) ทีมจากอิตาลี โดยจบเวลาพิเศษไปที่สกอร์ 1-1 และก็เป็นลิเวอร์พูลที่เฉือนเอาชนะ ด้วยการดวลจุดโทษไปด้วยสกอร์ 4-2 และ บ็อบ เพสลีย์ ก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง

JoeFagan (โจ เฟแกน) ได้รับตำแหน่งมาคุมทีมลิเวอร์พูล ในปี 1983 รับไม้ต่อจากบ็อบ เพสลี่ย์ ในการคุมทีมของเขาได้เกิดโศกนาฏกรรมที่สนามเฮย์เซล (Heysel Stadium disaster)เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 1985 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 39 คน บาดเจ็บอีกมากกว่า 600 คน ต้นเหตุจากผลสกอร์ของผลการแข่งขันคือ ลิเวอร์พูลแพ้ทีมยูเวนตุส 1-0 จากลูกจุดโทษ ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรเปี้ยน คัพ (European Cup) ในกรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม และตัวของ โจ เฟแกน ก็ประกาศลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทางสโมสรก็ได้โดนลงโทษแบนจาก ยูโรเปี้ย คัพ 5 ปี  และมีแฟนบอลลิเวอร์พูลโดนตัดสินโทษ 6 ปี จากข้อหาทำคนเสียชีวิตโดนไม่เจตนา ในเวลาต่อมา Kenny Dalglish (เคนนี่ ดัลกลิช) กลายเป็นผู้จัดการของทีมคนใหม่ อดีดนักเตะของทีม ที่ผลงานของเขาคือทำให้ ลิเวอร์พูลได้ ดับเบิ้ลแชมป์ ในปีแรกที่เข้ามาคุมทีม

แต่แล้วในปี 1990 เกมนัดรองรองชิงชนะเลิศรายการ FA Cup เกมนั้นลิเวอร์พูลต้องเจอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่ทั้ง 2 เกมก็ถือว่าเป็นคู่ดาร์บี้แมตซ์ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่สนาม ฮิลส์โบโร่ (Hillsborough) ที่แฟนบอลเบียดกันจนเสียชีวิตทั้งหมด 96 ราย ในปี 1989 และจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 1 คนในปี 2021 เป็นเวลา 32 ปีหลังจากเกิดโศกนาฏกรรม ส่วนตัวของ เคนนี่ ดัลกลิช ก็ขอลาออกเพื่อรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เพ่งเกิดขึ้น และนับตั้งแต่เวลานั้น สโมสรลิเวอร์พูลก็ไม่เคยประสบความสำเร็จอีกเลย แม้จะมี Gérard Houllier (เชราร์ อุลลิเยร์) ที่พาทีมได้ทริปเปิ้ลแชมป์ League Cup, UEFA Cup และ FA Cup แม้จะประสบความสำเร็จ แต่ก็เหมือนสิ่งที่แฟนบอลไม่ได้หวังไว้ เพราะในยุคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมากมายในสโมสร ไม่ว่าจะเป็น วิธีดูแลนักเตะ, วิธีซื้อนักเตะ, รูปแบบการเล่น, ปรัชญาคุมทีมที่เปลี่ยนไป ด้วยเหตุผลนี้อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำแฟนบอลไม่ค่อยพอใจกับผลงานสักเท่าไหร่มากนัก  

จนถึงปี 2004 Rafael Benítez (ราฟาเอล เบนิเตส) ได้เข้ามาคุมทีม และเป็นความหวังใหม่ของแฟนสโมสร และตัว ราฟาเอล ก็ได้ปฏิรูปสโมสรลิเวอร์พูลครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นนักเตะ หรือบุคลากรในทีม และการคุมทีมของ ราฟาเอล เบนิเตส ถึงแม้จะไม่ประความสำเร็จในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่กลับประสบความสำเร็จมากๆในรายการ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และ ยูฟ่ายูโรปาลีก ได้ในปี 2005 ในยุคการคุมทีมของ Brendan Rodgers (เบรนดัน ร็อดเจอส์)  แม้เขาจะพาลุ้นแชมป์บ้าง แต่ก็ถูกไล่ออกในปี 2015

และก็มาถึงในยุคของ Jürgen Klopp (เจอร์เก้น คล็อปป์) ถึงแม้เขาจะสัญญาไว้ว่าขอเวลาเพียง 4 ปี จะพาได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และเขาก็ทำได้จริงๆในปี 2019 ทำให้สโมสรปลดล็อคกับแชมป์ลีกได้สำเร็จ ถึงแม้จะใช้เวลาไป 5 ปีก็ตาม และตัวของ คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีมที่วางรากฐานใหม่ให้กับทีม และเป็นจุดรวมใจของคนลิเวอร์พูลได้อย่างไม่ต้องสงสัย และในปี 2024 Arena Slot (อาร์เน่ สล็อต) ก็ได้เช้ามาคุมทีมต่อและพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อีกครั้งในปีแรกที่เข้ามาคุมทีม

Liverpool 2020 PL
Premier league Champions 2024-2025

LIVERPOOL LOGO HISTORY

LIVERPOOL NEXT GAME

UCL FIXTURES

LIVERPOOL FIXTURES

UCL NEXT GAME

LIVERPOOL TEAM FORM

LIVERPOOL RESULTS

LIVERPOOL MATCH CENTRE

LIVERPOOL TOP ASSISTERS

LIVERPOOL LEAGUE TABLE

LIVERPOOL TOP SCORES

MAIN PLAYER

Alisson Becker

Goalkeeper

Dominik Szoboszlai

Midfielder

Ibrahima Konate

Defender

Virgil van Dijk

Defender

Milos Kerkez

Defender

Ryan Gravenberch

Midfielder

Alexis Mac Allister

Midfielder

Mohamed Salah

Forward

Florian Wirtz

Forward

Cody Gakpo

Forward

Joe Gomez

Defender

Conor Bradley

Defender

Andy Robertson

Defender

Jeremie Frimpong

Defender

Alexander Isak

Forward

Federico Chiesa

Forward

Hugo Ekitike

Forward

SUBSTITUTION​

Kostas Tsimikas

Defender

Harvey Elliott

Midfielder

Curtis Jones

Midfielder

Wataru Endo

Midfielder

Forever Player

Diogo Jota

R.I.P Legend

Let's Play

ถ้าคุณกำลังมองหา เว็บไซต์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล พร้อมราคาบอลที่หลากหลาย เล่นสเต็ปเพียง 2 คู่ขึ้นไป และมีความน่าเชื่อถือ และได้รับความไว้วางใจ มาอย่างยาวนานต้อง BETWORLD365